วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สมการชีวิต (Equation Life)

สมการชีวิต (Equation Life)
โง่ + ขยัน = เหนื่อย
โง่ + โลภ = เหยื่อ
โง่ + ขี้เกียจ = ยากจน
โง่ + บริโภคนิยม = หมดตัว
โง่ + ช้า = ล้าหลัง
โง่ + รีบร้อน = สะดุด
โง่ + อดทน = ถึงจุดหมาย แต่ช้าหน่อย
โง่ + ขยัน + อดทน = ลืมตาอ้าปากได้
โง่ + ซื่อสัตย์ = คนเมตตา
โง่ + กตัญญู = พระคุ้ม
โง่ + เรียนรู้ = ไม่โง่
ฉลาด + ขยัน = ความสำเร็จ
ฉลาด + อดทน = ความเจริญ
ฉลาด + ขี้เกียจ = โกง
ฉลาด + ขี้เกียจ + โลภ = โคตรโกง
ฉลาด + โอกาส = ติดปีก
ฉลาด + โอกาส + ขยัน = ติดจรวด
ฉลาด + กตัญญู = สัตบุรุษ
ฉลาด + ซื่อสัตย์ = ยอดคน
ฉลาด + ไม่เรียนรู้ = ไม่ฉลาด
โลภ + ขี้เกียจ = ชีวิตหมดไปกับการหาทางลัด
โลภ + ขยัน = รวย
โลภ + โกรธ = โรคหัวใจ
โกรธ + เกลียด = ไฟในอก
โกรธ + อโหสิ = สวรรค์
รัก + หลง = อุปาทาน
รัก + ใจร้อน = ชิงสุกก่อนห่าม
รัก + ใจเย็น = ไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชร
รัก + เข้าใจ = รักจริง
เข้าใจ + ให้อภัย = รักแท้
รัก + อดทน = บ้านเย็น
รัก + อกหัก = ปรากฏการณ์ธรรมชาติ
อกหัก + เหล้า = ยืดเวลาอกหัก
อกหัก + เข้าใจ = ลดเวลาอกหัก
อกหัก + เมตตา = หายอกหัก
ความรู้ + ความโลภ = โมหะ
ความรู้ + ความหลง = เอาตัวไม่รอด
ความรู้ + จริยธรรม = ปัญญา
สติ + ปัญญา = ความเจริญ
จินตนาการ + ความคิดสร้างสรรค์ = นวัตกรรมด้านบวก
จินตนาการ + โมหะ = นวัตกรรมด้านลบ
จินตนาการ + อารมณ์ลบ = ฟุ้งซ่าน
ปัญหา + กลุ้มใจ = ปัญหา + กลุ้มใจ
ปัญหา + วิเคราะห์ = ลดปัญหา
ใจเย็น + รอบคอบ = สำเร็จมั่นคง
รีบร้อน + มีแผน = วิ่งสะดุด
รีบร้อน + ไม่มีแผน = วิ่งอยู่กับที่
รวย + เมตตา = บุญ
รวย + ธรรม = กุศล
ทำบุญ + ชื่อเสียง = แบกโลก
ทำบุญ + ชาติหน้า = การลงทุน
ทำบุญ + เมตตา = ปล่อยวาง
ไม่เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = อุปาทาน
เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = โซ่ตรวน
เข้าใจ + ปล่อยวาง = เย็น

สูตรชีวิตสำเร็จ

ขยัน + อดทน + เรียนรู้ + ใจเย็น + เมตตา + ปล่อยวาง
= ความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและจิตใจ

ปัญหาการเบื่อเรียน วิธีแก้การเบื่อเรียน

ปัญหาการเบื่อเรียน

ปัญหา


ถ้าคร้านเรียน เรียนอะไร ก็ไม่รู้ ….ถ้าคร้านดู ดูอะไร ก็ไม่เห็น
ถ้าคร้านทำ ทำอะไร ก็ไม่เป็น ....ต้องลำเค็ญ ไม่เป็นงาน เพราะคร้านเอย



วิธีแก้การเบื่อเรียน

วิธีแก้ไข


…..ขยันเรียน เรียนอะไร ก็ได้รู้ …...ขยันดู ดูอะไร ก็ได้เห็น
…..ขยันทำ ทำอะไร ก็ทำเป็น …....ไม่ลำเค็ญ เพราะขยัน หมั่นเพียรเอย.



โคลงสี่สุภาพสมัยเน้...!!!
-------------------- 
นี่เตงมัยน่าร๊อก จุงเบย
แต่ก่อนดูเช้ยเชย ดั่งเฒ่า
เด๋วนี่แจ่มกว่าเคย เป๊ะอ้ะ!! บ่องตง
งามถูกใจจริงน้า กดไลท์ รัว รัว




วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

เจค็อบ คนทำขนมปัง Jacob the Baker

Jacob the Baker
โนอาห์ เบน ชี เขียน
ฐิติมา สุทธิวรรณ แปล
พจนา จันทรสันติ บรรณาธิการ
คบไฟ พิมพ์

ภูมิปัญญาอันอ่อนโยนสำหรับโลกอันซับซ้อน...

           เปิดเรื่องมากล่าวถึงคนทำขนมปังคนหนึ่งชื่อเจค็อบ เป็นคนที่ดำเนินชีวิตอย่างเคารพในพระเจ้า (พระเจ้าของชาวยิว) เขาชอบเขียนความคิดต่างๆ ลงในกระดาษชิ้นเล็กๆ ระหว่างรอเตาอบร้อน วันหนึ่งเจ้ากระดาษที่ว่านี้ตกลงไปในแป้งทำขนม "ปัญญาไม่ได้ทำให้ข้าอิ่ม มันทำให้ข้าเต็มไปด้วยความหิวโหย"
สตรีมีฐานะคนหนึ่งเกิดซื้อขนมปังนั้นไป และติดอกติดใจเป็นอย่างยิ่ง
 "ท่าน ช่างฉลาดอะไรอย่างนี้" นางกล่าวอย่างยกยอ "ชั่วชีวิตฉัน ฉันได้ติดตามหาปัญญามาตลอด และท่านก็ทำให้ฉันตาสว่าง ฉันรู้สึกโง่เหลือเกิน" เธอสั่งขนมปังยัดไส้ปัญญานี้ไป เป็นอาหารในงานเลี้ยง แขกในงานก็ชื่นชอบกันมากเช่นกัน มีเสียงเรียกร้องขนมปังแบบนี้เข้ามามากมาย ผู้คนหลั่งไหลกันมาที่ร้านขนมปังเพื่อพูดคุยกับเจค็อบ ซึ่งผมชอบประโยคหนึ่งที่เจค็อบพูดว่า "ปัญญาไม่ได้ทำให้ข้าอิ่ม มันทำให้ข้าเต็มไปด้วยความหิวโหยต่างหาก" และอีกประโยคหนึ่งที่ชอบมากๆ เจค็อบบอกว่า ความอดทนคือเส้นทางสายที่สั้นที่สุดของการเดินทางไกล" นั้นก็หมายความว่า ถึงแม้ว่าเป้าหมายหรือสิ่งที่เราหวังมันอยู่ไกลแค่ไหนถ้าหากเรามีความอดทน อดกลั้นแล้ว มันไม่ยากเลยที่เราจะไปถึงจุดหมายนั้น ในทางกลับกันเป้าหมายอยุ่ใกล้แค่เอื่อมแต่ขาดความอดทน เป็นการยากที่จะไปถึงจุดหมายนั้น

ชายสองคนเข้ามาหาเจค็อบและขอให้เจค็อบตัดสินใจว่าใครคือผู้ทรงปัญญา
"ข้ารู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง" ชายคนแรกพูด
"ข้ารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ผิด" ชายอีกคนหนึ่งพูด
"ก็ดีแล้วนี่" เจค็อบพูด "ท่านสองคนอยู่ด้วยกันก็กลายเป็นผู้ทรงปัญญาคนหนึ่ง"

หนังสือเล่มนี้น่าสนใจมากยิ่งอ่านยิ่งเห็นปรัชญา มุมมอง การคิดที่ฉลาดหลักแหลม
เจค็อบ คนทำขนมปัง

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

สิ่งที่ได้จากการประชุมครูใหม่วันนี้

 
เทคนิคการเล่านิทาน
          การเล่านิทานไม่จำเป็นต้องเล่าตามหนังสือทั้งหมด  ใช้ภาษาของเราได้เพื่อให้เด็กเข้าใจง่ายขึ้น  ใช้คำถามเเนวน้อบน้อม  สบตาผู้ฟังโดยไม่จ้องเพียงจุดเดียว
การเลือกนิทาน ควร พิจารณาสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้  นิทานเรื่องนั้นสนองความต้องการของเด็กได้มากน้อยเพียงไร เรื่องเล่าควรจะเลือกให้เหมาะกับวัยต่างๆของเด็ก เนื้้อหาจะต้องมีสาระค่านิยม ความคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม มีเนื้อเรื่องสนุกสนานชวนติดตาม กระตุ้นจินตนาการของเด็ก
น้ำเสียงที่จะเล่า  ผู้เล่่าต้องมีน้ำเสียงที่น่าฟัง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเสียงที่ไพเราะ และที่สำคัญที่สุดคือการเว้นจังหวะ การเน้นเสียงให้ดูน่าสนใจ ไม่ควรให้น้ำเสียงราบเรียบมากเกินไป เสียงเบา-เสียงหนัก พูดเร็ว-พูดช้า ก็เป็นการบ่งบอกอารมณ์ของนิทาน 
บุคลิกของผู้เล่านิทาน  ต้องมีบุคลิกที่น่าสนใจสำหรับเด็ก คือ   ไม่นิ่งจนเกินไป  ไม่หลุกหลิกจนเกินไป  ต้องมีการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมกับเนื้อหาของนิทาน   มีการแสดงท่าทางที่เหมาะสมกับเนื้อหาของนิทานอย่างพอเหมาะ  มีท่าที่ผ่อนคลายและดูเป็นกันเองกับเด็กๆ
เสื้อผ้าที่สวมใส่   ต้องเป็นเสื้อผ้าที่มั่นใจในการเคลื่อนไหว
บรรยากาศในการฟังนิทาน  ต้องไม่วุ่นวายจนเกินไป อยู่ในสถานที่ที่สามารถสร้างสมาธิสำหรับคนฟังและคนเล่าได้เป็นอย่างดี 

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 ...

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

กิจกรรมจิตศึกษา

โยคะ ประกอบด้วยท่า
ท่าไหว้พระอาทิตย์  ท่าภูเขา ท่าต้นไม้   ท่าเครื่องบิน  ท่าเก้าอี้สองขา   ท่าเก้าอี้ขาเดียว  ท่ากระต่ายหมายจันทร์   ท่าหงส์    ท่าผีเสื้อ   ท่าจระเข้  ท่างูใหญ่   ท่าตั๊กแตน  ท่าคันธนู  ท่าฟองน้ำ
การเล่าเรื่องราว   เป็นการเล่าเรื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ เรื่องราวชีวิตของเรา ประสบการณ์
การขอบคุณสรรพสิ่ง สิ่งมีชีวิต เช่น ต้นไม้ สรรพสัตว์ สิ่งไม่มีชีวิต เช่น ปากกา ดินสอ การอวยพร
Empower ประกอบด้ว  การกอด การชมเชย ไม่แตะศีรษะแตะที่บ่าเบาๆ การขอบคุณ
จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ ความสัมพันธ์ การเล่าเรื่องราว การต่อประดิษฐ์ที่มีความหมาย การใบ้คำ การอธิบายความหมายการแต่งชื่อเรื่อง
การเล่านิทาน ได้แก่ นิทานที่มีภาพประกอบ นิทานภาษาอังกฤษ นิทานวาดภาพ มีคติสอนใจ
การกำกับสติ นั่งหลับตากำหนดลมหายใจ การส่งแก้วน้ำแล้วไหว้ขอบคุณ การฉีกกระดาษให้ยาวที่สุดการต่อตะเกียบให้สูงที่สุด การถอดบล็อก การเดินจงกลม
เบรนยิม  เปิดปุ่มสมอง   ยืดหยุ่นร่างกาย  บีบ  นวด  เคาะ   ขนมจีบตัว L

ถามตอบตามหลักเหตุและผลของครูโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา


ถามตอบตามหลักเหตุและผลของครูโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา
. ทำไมครูต้องไหว้ทักทายกัน
    • เป็นวัฒนธรรมขององค์กร ส่งเสริมวัฒนธรรมไทย
. ทำไมครูต้องมาทำงานแต่เช้า
    • เพื่อพบปะพูดคุยกับผู้ปกครอง สร้างความเข้าใจกับผู้ปกครอง อีกทั้งการมีปฏิสัมพันธ์กันนักเรียน
    • เพื่อมาปฏิบัติหน้าที่เวรหน้าประตู
    • เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะสอนแต่เนิ่นๆ ไม่เร่งรีบ มีเวลาทบทวน และวางแผนในวันนี้
    • รับอากาศบริสุทธิ์ สดชื่น สมองปลอดโปร่งจิตใจเบิกบาน
. ทำไมครูต้องมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลาย
    • เพื่อให้นักเรียนมีความสนใจในการทำกิจกรรม กระตือรือร้นอยากเรียนรู้
. ทำไมครูจึงมีสมุดสื่อสารถึงผู้ปกครอง
    • เพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องกับผู้ปกครอง และเพื่อสร้างความสัมพันธ์ร่วมกัน
. ทำไมครูต้องมีการประชุมเป็นประจำทุกสัปดาห์
    • เพื่อทบทวนงาน พัฒนางาน ร่วมกัน แสดงความคิดเห็น สร้างสรรค์งานอย่างหลากหลาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปัญหา ข้อเสนอแนะ เพื่อหาแนวทางแก้ไข แนวคิดและกิจกรรมในการพัฒนาผู้เรียน
    • ครูทุกคนจะได้รู้ความเคลื่อนไหวสิ่งที่เกิดขึ้น
    • เป็นการสร้างเวทีให้ครู
    • เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ
. ทำไมครูไม่ดุ ไม่ตี เปรียบเทียบ ตะคอกใช้ความรุนแรง
    • เพราะการตี การดุด่าจะทำให้เด็กหวาดกลัวและบางครั้งเด็กจะไม่ยอมรับในพฤติกรรมของครูและจะไม่ทำให้เด็กก้าวร้าว
    • เด็กทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ การดุตีใช้ความรุนแรงทำให้เด็กเกิดการต่อต้าน หวาดกลัว ส่งผลให้สมองปิดการเรียนรู้ ลดคุณค่าในตนเองและการเปรียบจะเป็นการตีตรา และเป็นบ่อเกิดแห่งความอิจฉา
. ทำไมครูตรวจงานจึงไม่มีคะแนนและดาว
    • เพื่อไม่ให้มีการเปรียบเทียบเด็กทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน
. ทำไมต้องจัดตารางเวรให้ครูยืนรับผู้ปกครอง – นักเรียน ขณะมารับ – ส่ง
- เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับนักเรียนหรือผู้ปกครอง และได้รู้จักนักเรียนหรือผู้ปกครองในชั้นเรียนอื่นๆ
. ทำไมครูต้องออกเยี่ยมบ้านนักเรียน
- เพื่อให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ของนักเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้พฤติกรรมของนักเรียน ขณะอยู่ที่บ้านและโรงเรียน
๑๐. ทำไมต้องมีการพัฒนาครูใหม่อย่างต่อเนื่อง
    • เพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางและวัฒนธรรมขององค์กร
๑๑. ทำไมต้องมีการจัดการเรียนการสอนบูรณาการโดยโครงงาน
    • เพื่อส่งเสริมการคิด และทักษะการแสวงหาความรู้ เรียนรู้เพื่อความเข้าใจ
๑๒. ทำไมครูไม่ได้มีหน้าที่สอนอย่างเดียว ต้องมีหน้าที่อื่นด้วย
- เพื่อจะได้เรียนรู้งานอื่นอย่างหลากหลาย และพัฒนาตนเอง
๑๓. ทำไมครูจึงไม่มีการอบรมหน้าเสาธง
    • อบรมตอนเช้าเด็กจะไม่ฟัง การบอกข่าวสาร การส่งเสริมวินัยเป็นหน้าที่ของครูประจำชั้น
๑๔. ทำไมครูจึงไม่มีการสรุป ข้อคิดหลังจากเล่านิทานจบ
    • เพื่อฝึกให้เด็กแสดงความคิดเห็น ถาม-ตอบ เกี่ยวกับนิทานที่ฟัง
๑๕. ทำไมครูจึงใช้เสียงอย่างธรรมชาติและท่าทีที่เป็นกัลยาณมิตร
- ยิ่งครูพูดเสียงดังเด็กก็จะไม่ฟัง ทำให้ครูไม่เจ็บคอ เสียงโมโนโทนเข้าถึงจิตวิญญาณข้างในและมีเด็กได้รับท่าทีจากครูที่เป็นกัลยาณมิตรผู้เรียนก็จะเปิดรับสิ่งที่ครูนำเสนออย่างเต็มที่และตั้งใจ
๑๖. ทำไมครูไม่ชี้ผิด ชี้ถูก เมื่อเด็กทะเลาะกัน
- เพื่อให้นักเรียนรู้จักโยนิโส (น้อมนำทบทวนตนเอง) เปิดโอกาสให้เด็กทั้งสองคนได้พูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจในสิ่งที่กระทำ
๑๗. ทำไมครูต้องพูดเสียงเบา
- ถ้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดัง ตะคอกใส่อารมณ์ ฉุนเฉียวจะทำให้สมองเด็กปิดการเรียนรู้ ครูก็เหนื่อย หงุดหงิด เป็นโรคที่เกี่ยวกับกล่องเสียง
    • เด็กจะได้ตั้งใจฟัง และมีสมาธิจดจ่อกับเรื่องที่ครูพูด
    • เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูและเด็ก
๑๘. ทำไมครูต้องเล่นกับเด็ก
- ลดช่องว่างระหว่างครูกับเด็ก สร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้เข้าใจและเห็นคุณค่าเด็กแต่ละคน เป็นการสอน/เรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติระหว่างครูกับเด็ก (มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถถ่ายทอดความเป็นมนุษย์สู่มนุษย์ได้)
๑๙. ทำไมครูถึงไม่บอกคำตอบเด็ก
    • เพื่อให้เด็กเกิดกระบวนการคิดเพื่อค้นหาคำตอบด้วยตนเอง
    • เพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากหาคำตอบด้วยตนเอง (ไม่รอคำตอบจากครู)
    • ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดเพียงคำตอบเดียวเสมอ
    • ส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้จากผู้อื่น
๒๐. ทำไมครูต้องมาทานข้าวเช้าร่วมกัน
    • อาหารเช้าเป็นอาหารมื้อสำคัญที่สุด
    • สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างครู และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนอย่างไม่เป็นทางการ
๒๑. ทำไมต้องมีกีฬาและกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์
    • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อความเป็นกันเอง
    • ผ่อนคลาดความเครียด เสริมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ และการทำงานเป็นทีม
๒๒. ทำไมครูไม่มีชุดเครื่องแบบในการแต่งกาย
    • เคลื่อนไหวสะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆ
    • ลดความรู้สึกน่าเกรงขาม การยึดติดกับเครื่องแบบ ยศ ภาพลักษณ์ภายนอก
    • ลดช่องว่างระหว่างครูกับเด็ก
๒๓. ทำไมต้องมีการจัดอบรม พัฒนาศักยภาพครู และทำไมครูต้องได้เรียนรู้สิ่งใหม่
- เพราะครูเป็นผู้แนะนำ กระตุ้นให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ การเพิ่มพูนความรู้ใหม่ๆ เข้าใจอย่างลึกซึ้ง รอบรู้ กระตือรือร้น เรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง

ตั้งคำถาม - ตอบ เกี่ยวกับโรงเรียนนอกกะลา

1.ทำไมต้องมีกิจกรรจิตศึกษา
เพื่อเสริมสร้างความ พร้อมทางพัฒนาการทางสมองของผู้เรียนยามเช้า   หลังเข้าแถวเคารพธงชาติ ให้ผู้เรียนเชื่อมโยงเละเห็นคุณค่าของทุกสรรพสิ่ง  เพื่อต่อยอดให้ผู้เรียนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ตามเป้าหมายของโรงเรียน และเตรียมสมองก่อนการเรียนรู้ตลอดทั้งวัน
2.ทำไมมีเสียงระฆัง กริ่ง  ออดในโรงเรียน
เป็น การฝึกวินัยเรื่องเวลา โดยการฝึกให้ดูนาฬิกาเอง ก่อนจะเข้าเรียนจะมีมอนิเตอร์ ไปเตือนว่าเหลือเวลาอีก  5 นาที  ตารางเรียนจัดเป็นประจำสม่ำเสมอไม่หยวน
3.ทำไมไม่มีแบบเรียน
ความ รู้ในโลกเเละจักรวาลนี้ไม่มีวันหมด  ความรู้ใหม่เกิดขึ้นทุกวัน โรงเรียนให้ความสำคัญกำกระบวนการเรียนรู้และการคิด  เรียนรู้จากสิ่งที่ใกล้ตัวจำเป็นและสอดคล้องกับมาตรฐาน
4.ทำไมครูจึงใช้เสียงโมโนโทนอย่างเป็นธรรมชาติ  และท่าทีที่เป็นกัลยานิมิตร
ยิ่ง ครูพูดเสียงดังเด็กก็ยิ่งจะไมฟัง  ทำให้ครูไม่เจ็บคอ เสียงโมโนโทนเข้าถึงจิตวิญญาณข้างใน และมีเด็กได้รับท่าทีจากครูที่เป็นกัลยานิมิตรผู้เรียนก็จะเปิดรับสิ่งที่ ครูนำเสนออย่างเต็มที่และตั้งใจ
5.ทำไมครูไม่ชี้ผิด ชี้ถูก เมื่อเด็กทะเลาะกัน
เพื่อให้นักเรียนรู้จักโยนิโส(น้อมนำทบทวนตนเอง) เปิดโอกาสให้เด็กทั้งสองคนได้พูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจในสิ่งที่กระทำไป
6.ทำไมต้องจัดตารางเรียน  3 ส่วน เช้า, ก่อนเที่ยง, หลังรับประทานอาหาร(บ่าย)
- ช่วงเช้าเพื่อสอดรับกับการพัฒนา EQ และ SQ ผ่านการพูดคุยทักทายเด็กและจิตศึกษา
- ช่วงก่อนเที่ยงเป็นช่วงพัฒนา  IQ (สมอง)  เรียนรู้  ภาษไทย คณิตฯ  อังกฤษ
- ช่วงบ่ายเพื่อพัฒนา PQ  โดยการเรียนรู้โครงงาน ดนตรี กีฬาและชุมนุม
7.ทำไมโรงเรียนจึงจัดการเรียนการสอนเป็น   4 Quarter
เพื่อ ให้ครูได้ทบทวนกิจกรรมที่ได้จัดไปแล้ว  และการแบ่งเป็น 4ช่วงๆละ 10 สัปดาห์เหมาะกับการจัดการเรียนรู้โครงงานหน่วยละ  10 สัปดาห์  (1 Quarter  = 10  สัปดาห์)
8.ทำไมต้องมีบอร์ดติดผลงานเด็กไว้ในแต่ละชั้นเรียน
เพื่อ ให้เด็กได้นำเสนอในสิ่งที่เด็กได้เรียนรู้ ดูความก้าวหน้าของงานของตนเอง อีกทั้งผู้ปกครองได้มาดูงานของลูกตนเอง  ครูต้องติดตามงานของเด็กทุกคน ซึ่งทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง
9.ทำไมห้องเรียนจึงเป็นหกเหลี่ยม
ทำให้เด็กไม่มีหน้าชั้น  หลังชั้น  ห้องเรียนสามารถเปลี่ยนมุม และเปลี่ยนหน้าชั้นได้ทุกมุม
10.ทำไมไม่ให้เด็กปีนต้นไม้
ไม่มั่นใจในความปลอดภัยของเด็ก
11.ทำไมเด็กไม่เด็ดกิ่งไม้ใบไม้ในโรงเรียน
เมื่อเด็กเคารพทุกสิ่ง  และเรียนสิ่งต่างๆว่าพี่ เด็กจึงเคารพต้นไม้และไม่ทำลายมัน
12.ทำไมต้องมีโปรแกรมพัฒนาเด็ก LD และเด็กที่มีความต้องการพิเศษ และให้ผู้ปกครองมาร่วมพัฒนา
เพื่อพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคลอย่างเหมาะสม  เต็มศักยภาพ และให้ผู้ปกครองสงเสริมพัฒนาลูกที่บ้าน

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

ก้าวเเรกของครูใหม่ ณ ลำปลายมาศพัฒนา
        ตั้งเเต่วันเเรกที่ข้าพเจ้าได้เข้าที่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา รู้สึกตื่นเต้นกับบทบาทใหม่ของการเป็นครู(ครูของมนุษยชาติ) จนมาถึงวันนี้ทำให้ตัวข้าพเจ้าได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รู้ซึ้งถึงชีวิต และการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าซึ่งมันไม่ได้เกิดกับเฉพาะตัวข้าพเองเเละครอบ ครัวเท่านั่น เเต่ยังได้ทำเพื่อส่วรรวม เเละการสร้างสรรค์สังคมอีกด้วย อีกทั้งยังทำให้ข้าพเจ้าได้มีการพัฒนาตัวเอง เเละพร้อมที่จะเรียนรู้เสมอ  เพื่อที่จะได้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ต่อไป..                                                                                                    ขอบคุณครับ